(กลายเป็น
พายุหมุนนอกเขตร้อนหลังจาก 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562)
พายุไต้ฝุ่นบัวลอย เป็น
พายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก
พายุไต้ฝุ่นฮากีบิส และ
พายุไต้ฝุ่นหะลอง และเป็นพายุลูกที่สองบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกในช่วงปี พ.ศ. 2562 พายุไต้ฝุ่นบัวลอยเป็น
พายุดีเปรสชันลูกที่ 39,
พายุโซนร้อนลูกที่ 21 และ
พายุไต้ฝุ่นลูกที่ 11 ในฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2562 ก่อตัวขึ้นจาก
ความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562 อยู่ทางตะวันออกของ
สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ความปั่นป่วนได้ก่อตัวเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยด้วยอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่อบอุ่นมาก และแรงลมต่ำ ทำให้ระบบมีความรุนแรงขึ้น เมื่อถึงวันที่ 19 ตุลาคม พายุโซนร้อนบัวลอยได้
ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และต่อมาเป็นพายุไต้ฝุ่นในเวลาต่อมา อัตราการเสริมกำลังอ่อนตัวลงจนถึงวันที่ 21 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นบัวลอยถึงสถานะความรุนแรงสูงสุดในวันที่ 22 ตุลาคม ด้วยความเร็วลม 10 นาทีที่ 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (130 ไมล์ต่อชั่วโมง) และด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ความเร็วลมสูงสุด 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) เทียบเท่ากับ
ความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 5 ในระดับลม
มาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน และระบบเริ่มอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในวันรุ่งขึ้น
[1]หลังจาก
พายุไต้ฝุ่นฮากีบิสผ่านพ้นไป
ประเทศญี่ปุ่นเตรียมรับมือพายุ 2 ลูก อีกครั้ง เช่น พายุไต้ฝุ่นนอกูรี และพายุไต้ฝุ่นบัวลอย เป็นต้น
[2] มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง แผ่นดินถล่ม และน้ำท่วม ในพื้นที่ราบต่ำ หรือพื้นที่ริมแม่น้ำทางชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นนอกูรีกำลังเคลื่อนที่ไปยังภูมิภาคดังกล่าว ในขณะเดียวกัน พายุไต้ฝุ่นบัวลอยกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นเดียวกัน
[3]ภายใต้อิทธิพลของความกดอากาศต่ำทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น
[4] โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
จังหวัดชิบะ และ
จังหวัดฟูกูชิมะ มีปริมาณน้ำฝนรวมเกิน 200 มิลลิเมตร (8 นิ้ว) ซึ่งเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เกินปริมาณน้ำฝนเป็นเวลาหนึ่งเดือนในเดือนตุลาคมของปี
[5][6] ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย ในจังหวัดชิบะ
[7] และ 2 ราย ในจังหวัดฟูกูชิมะ